แฝดที่ดี
เสมือนคู่บุญ ยิ่งรู้จักกินให้เสริมกัน ก็จะยิ่งช่วยเสริมสุขภาพ หรือทำการรักษาโรคให้ท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และอันที่จริงก็ควรกินคู่กันเสียด้วย เพราะเรื่องของยาอาหารเสริมนี้ มีหลักคือ การทำงานร่วมกัน โดยกลุ่มที่ควรกินร่วมกันช่วยเสริมให้ดีมีดังต่อไปนี้
- วิตามินซี กับ คอลลาเจน จะช่วยกันสร้างเนื้อเยื่อใหม่ให้ใสปิ๊งปั๊งไม่เหี่ยวหย่อนย้อย
- ธาตุเหล็ก กับ วิตามิน ซี กินธาตุเหล็กให้ดีดูดซึมเข้าไปใช้ได้ ไม่ใช่กินเข้าไปอย่างไรถ่ายออกมาหน้าตาเหมือนเดิมนั้น ต้องกินคู่กันอย่างเช่นถ้าจะกินเลือดหมูให้ได้ธาตุเหล็กก็ควรกินกับผักที่มี วิตามินซีสูงเช่นใบตำลึงก็จะดีไม่น้อยครับ
- แคลเซียม และ แมกนีเซียม แคลเซียมจะดูดซึมได้ดีต้องมี “ตัวช่วย” พามันเข้าไปได้แก่แมกนีเซียม, วิตามินดีและวิตามินเคด้วยซึ่งอยู่ในแสงแดดและผักเขียวจัดตามลำดับ
- วิตามินเอ ซี และ วิตามิน อี พยายามกินไปด้วยกันเป็นดี หรือสูตรที่ดี คือ กินวิตามินซีเพียงตัวเดียวส่วนวิตามิน เอ กับวิตามิน อี นั้นกินเอาจากผักคะน้า และถั่วลิสงสักวันละกำมือ
- น้ำมันปลา (ไม่ใช่น้ำมันตับปลา) ขอให้เลือกชนิดที่มี ดีเอชเอ คู่กับกับ อีพีเอ ยิ่งมากหน่อยยิ่งดี อย่างน้อยกินให้ได้ค่า ดีเอชเอ+อีพีเอ = 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน โดยมีเคล็ดไว้ว่า ถ้าอยากบำรุงสมองต้องเลือกชนิดที่มี "ดีเอชเอ" เด่น แต่ถ้าจะให้บำรุงส่วนอื่นเป็นหลัก เช่น ข้ออักเสบให้เลือกชนิดที่มี "อีพีเอ" สูงด้วย
แฝดที่ร้าย
แฝดตัวนี้ ถือเป็นระดับ “ตัวแม่” ที่น่ากลัวกว่าเยอะมาก เพราะอาจทำให้เกิดเลือดออกในสมอง จนเป็นอัมพาต หรือหัวใจวายแน่นิ่งไปได้ จึงอยากให้มาสนใจในยา ที่ไม่ควรกินร่วมกันสักนิด ดังนี้
- น้ำมันปลา กับ แอสไพริน คู่ร้ายอันดับแรก โดยน้ำมันปลานี้มีฤทธิ์ช่วยให้เลือดใสไม่หนืดเหนียว ส่วนแอสไพรินก็มีฤทธิ์เดียวกัน คือ ช่วยให้ไม่เกิดลิ่มเลือดจับแข็งเป็นก้อน ตัน เมื่อกินคู่กันเลยกลายเป็นคู่สังหารพาลให้เลือดไหลพรวดพราดไม่หยุด แม้การกรอฟันเพียงนิด ก็อาจทำให้เลือดออกได้ ราวกับผ่าตัดใหญ่เลยทีเดียว
- วิตามินอี และ อีฟนิ่งพริมโรส มีคนไข้ที่อยากผิวสวยมาหา พร้อมบอกว่า มีคนแนะให้กินวิตามินอี แต่บ้างก็ให้เลือกเป็นอีฟนิ่งพริมโรสแทน ควรจะเลือกอย่างไรดี? จึงได้บอกไปให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งก็พอ เพราะทั้งคู่ล้วนแต่มีวิตามินอีทั้งนั้น ซึ่งถ้าได้มากเกินไป อาจทำให้เกิดหัวใจพิบัติแทน
- แคลเซียมเสริม กับ แคลเซียมสด ถ้าท่านกินงาดำได้วันละ 4 ช้อนโต๊ะ หรือเต้าหู้ขาวแข็ง วันละ 3 ขีด ก็จะได้แคลเซียมราว 1,000 มิลลิกรัมอยู่แล้ว ซึ่งถ้าไปหาแคลเซียมเม็ดมากินเพิ่มเติมอีก จะทำให้ได้รับแคลเซียมเกินขนาด และไปจับกับหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดตีบแข็งได้
- กาแฟ กับ แคลเซียม ขอให้เลี่ยงกินแคลเซียม ร่วมกับกาแฟ เพราะกาแฟจะไปยับยั้งการดูดซึมแคลเซียม นอกจากนั้น กาแฟยังไปดึงแคลเซียมออกจากกระดูกอีกด้วย
- ธาตุเหล็ก กับ โรคเลือดจางธาลัสซีเมีย เป็นไม้เบื่อไม้เมากันทีเดียว ขอให้ลืมความเชื่อที่ว่า ถ้าเลือดจางจะต้องกินธาตุเหล็กเยอะ ๆ ไม่เสมอไปครับ หากท่านเป็น "โรคเลือดจาง ชนิดธาลัสซีเมีย" แล้วไปกินธาตุเหล็กเสริม เท่ากับเป็นการเติมยาพิษให้กับหัวใจ และตับตัวเอง
ทั้งแฝดดี และแฝดร้ายนี้ อันที่จริงมีอีกมากมาย แต่สำหรับที่เลือกมาให้เห็นในที่นี้นั้น เป็นตัวอย่างที่พบบ่อย ๆ และสามารถจำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที จะเห็นว่าการกินยานั้น มีข้อหยุมหยิมอยู่มาก เมื่อเทียบกับกินอาหารธรรมชาติ ที่โอกาสเกิดการผสมกันเป็นพิษน้อย เพราะมีส่วนประกอบสำคัญอยู่ในปริมาณ ที่ไม่เข้มข้นมากเท่ายาเคมี แต่อย่างไรก็ดีคงต้องยึดหลัก หูไว ตาไว ถ้ารู้สึกว่า “ไม่ใช่” แล้วก็ให้รีบเร่งแจ้งแพทย์ อย่าปล่อยให้เลยตามเลย
ที่มา
นพ. กฤษดา ศิรามพุช
พบ. (จุฬาฯ) ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ
No comments:
Post a Comment