สาเหตุส่วนใหญ่มักจะเกิดจากเศษอาหาร ที่ตกค้างอยู่ตามซอกฟัน บริเวณที่ทำความสะอาดได้ยาก หรือในรูฟันผุ ซึ่งจะมีเศษอาหารเน่าเสียอยู่ รวมทั้งแผ่นคราบฟัน และหินปูนที่อยู่รอบ ๆ ฟัน ซึ่งเป็นที่เก็บกัก และสะสมเชื้อโรคต่าง ๆ ในช่องปากของเรา
บางคนพบว่า เหงือกเป็นหนองจากโรคปริทันต์ หรือมีฟันโยก อาหารบางชนิดเมื่อรับประทานแล้ว จะมีกลิ่นขับออกมาทางลมหายใจ เช่น หัวหอม กระเทียม ทุเรียน ผู้ที่ดื่มสุรา หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ หรือท้องผูกหลาย ๆ วัน ก็ทำให้เกิดกลิ่นปากได้ รวมทั้งผู้ป่วยโรคทางร่างกายบางอย่าง เช่น ต่อมทอนซิลอักเสบ ไซนัสอักเสบเรื้อรัง วัณโรค โรคปอด และโรคระบบทางเดินอาหาร
ภายหลังตื่นนอนใหม่ ๆ กลิ่นปากจะแรง เพราะในขณะที่นอนหลับอยู่ น้ำลายจะถูกขับออกมาน้อย ทำให้น้ำลายมีการหมุนเวียนน้อย เศษอาหารที่ตกค้างสะสมอยู่ จึงมีการบูดเน่าเสีย เกิดเป็นกลิ่นปากค่อนข้างแรง เมื่อตื่นนอนได้แปรงฟัน และน้ำลายมีการไหลเวียนมากขึ้น กลิ่นปากก็จะบรรเทาลง
" น้ำลาย " เปรียบเสมือนน้ำยาบ้วนปาก ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา ช่วยชะล้างสิ่งสกปรกภายในช่องปาก เมื่อมีน้ำลายหลั่งออกมาก ทำให้ช่องปากสะอาดมากกว่าน้ำลายที่หลั่งออกมาน้อย ช่วยลดการบูดเน่าของอาหารที่ทำให้เกิดกลิ่นปากได้
น้ำลายจะหลั่งออกมาได้มากในขณะเคี้ยวอาหาร รับประทานของเปรี้ยว หรือการคิดถึงอาหารอร่อย ๆ ที่เราชอบ ในบางขณะจะมีการหลั่งน้ำลายน้อย เช่น เวลานอน ภาวะอดอาหาร การดื่มน้ำไม่เพียงพอ อากาศร้อน ตลอดจนภาวะทางจิตใจ ความเครียด อาชีพที่ใช้เสียงมาก ๆ เช่น ครู ทนายความ มีผลทำให้มีน้ำลายน้อย และมีกลิ่นปากได้
กลิ่นเหม็นจากช่องปาก บางครั้งเกิดขึ้นได้จากโคนลิ้นด้านในสุด เนื่องจากมีน้ำเมือกในช่องจมูกไหลลงคอ ซึ่งในภาวะเช่นนี้ ไม่จำเป็นว่าจะเกิดจากการเจ็บป่วยหรือเป็นโรค แต่มักมีสาเหตุมาจาก " อาการภูมิแพ้ " น้ำเมือกที่ไหลลงคอ ในระยะแรก ๆ จะไม่ทำให้เกิดกลิ่นปาก แต่สักประมาณ 2 - 3 วัน แบคทีเรียจะย่อยน้ำเมือก และทำให้เกิดกลิ่นปาก
เราสามารถทดสอบกลิ่น โดยใช้ช้อนพลาสติกขูดเบา ๆ ที่ด้านในสุดของโคนลิ้น ปล่อยทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงดมดู และกรณีคนที่มีกลิ่นปากมาจากสาเหตุนี้ เวลาเป่าปากจะไม่ค่อยได้กลิ่น แต่จะเหม็นเมื่อเริ่มพูด เนื่องจากมีลมผ่านลิ้นที่เคลื่อนไหวจึงทำให้เกิดกลิ่นขึ้นมา ดังนั้น จึงควรแปรงลิ้นหลังการแปรงฟันทุกครั้ง และต้องแปรงให้ลึกถึงโคนลิ้น จะช่วยทำความสะอาดน้ำเมือกที่ตกค้างนี้ได้
สรุปว่า กลิ่นปากเกิดได้จากหลาย ๆ สาเหตุ ถ้าหากแก้ไขที่ต้นเหตุได้ ก็จะเป็นวิถีทางที่ดีที่สุด เพราะการใช้ของสำเร็จรูปนั้น เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและชั่วคราวเท่านั้น
กลิ่นปากในเด็ก
ท่านผู้ปกครองไม่ต้องกังวลว่า เด็กจะมีโรคเหมือนผู้ใหญ่ เพราะว่าสาเหตุส่วนใหญ่ของกลิ่นปากเกิดจากในปาก สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่ สุขอนามัยไม่ดี มีเศษอาหาร และเชื้อแบคทีเรียเหลือติดอยู่ตามซอกฟัน เด็ก ๆ มักจะมีกลิ่นปากมากในตอนเช้า หากเป็นมากอาจจะมีตอนสาย ในเด็กบางรายไม่มีอาการปวดฟัน แต่มีฟันผุ ที่พบบ่อย ๆ คือ ไซนัสอักเสบทั้งเฉียบพลัน และเรื้อรังสามารถทำให้เกิดกลิ่นปากได้
นอกจากนั้น กลิ่นปากเด็กโดยมาก จะเกิดอาการน้ำมูกไหล ไอกลางคืน คออักเสบ เด็กจะมีไข้เจ็บคอ และมีกลิ่นปาก โรคภูมิแพ้ทำให้มีเสมหะไหลไปที่คอทำให้เกิดกลิ่นปาก ท่านผู้ปกครองควรสอนให้เด็กแปรงฟัน และล้างปาก เลือกแปรงที่มีขนาดเหมาะกับปากของเด็ก และมีขนอ่อนนุ่มพอควรพร้อมยาสีฟัน ยาสีฟันควรมีสารฟลูออไรด์ ควรแปรงฟันพร้อมเด็ก ให้เด็กแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง สอนเด็กใช้ไหมขัดฟัน หากเห็นเศษอาหารติดที่คอ ก็ให้เด็กกรวกคอบ้วนปากทันที
กลเม็ดพิชิตกลิ่นปาก
- อย่าปล่อยให้ปากแห้ง เพราะเมื่อปากแห้งแล้ว ความเข้มข้นของแบคทีเรียในปากจะเพิ่มมาก ทำให้เกิดกลิ่นปากได้ง่าย
- ดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยล้างแบคทีเรียออกจากน้ำลาย
- แปรงฟันทุกครั้งหลังอาหาร และอย่างลืมแปรงด้านบนของลิ้น อันเป็นที่เกิดของแบคทีเรียด้วย
- ใช้ไหมขัดฟันวันละ 2 - 3 ครั้ง
- ถ้าไม่สะดวกจะแปรงฟัน ให้บ้วนปากด้วยน้ำเปล่า หรือน้ำยาบ้วนปาก
- เคี้ยวหมากฝรั่งชนิดที่ไม่มีน้ำตาล
- เคี้ยวใบผักชีฝรั่ง หรือกานพลูหลังมื้ออาหาร
- งดอาหารกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หอมใหญ่ พริกไทย และเนยแข็ง
- หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก
- กินอาหารให้ครบหมู่ แม้ว่าคุณจะกำลังลดความอ้วนอยู่ก็ตาม
- เลิกสูบบุหรี่
- ตรวจสุขภาพฟันสม่ำเสมอ
No comments:
Post a Comment