อย่างไรจึงจะเรียกว่าความดันโลหิตสูง
โดยปกติผู้ที่อายุไม่ถึง 40 ปี ความดันโลหิตไม่ควรเกิน 140/90 มม. ปรอท ค่าความดันตัวบนอาจจะเพิ่มขึ้นตามอายุ จะทราบค่าความดันโลหิตตัวบนปกติของแต่ละอายุได้ โดยนำจำนวนอายุมาบวกกับ 100 โดยทั่วไป ความดันตัวบนไม่ควรเกิน 160 มม. ปรอท และความดันตัวล่าง (ในผู้ใหญ่) ไม่อายุเท่าไหร่ก็ตามไม่ควรเกิน 90 มม. ปรอท
อาการสำคัญที่พบในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง คือ
- ปวดศีรษะ มึนงง โดยทั่วไปจะปวดบริเวณท้ายทอย และมักจะเป็นในตอนเช้า ถ้าความดันโลหิตสูงมาก และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จะมีอาการคลื่นไส้ และตามัวร่วมด้วย ในบางรายอาจจะมีอาการอื่นร่วมด้วย
- เหนื่อยง่าย เนื่องจากหัวใจต้องทำงาน
- เลือดกำเดาออก
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีความดันโลหิตสูงแล้ว ไม่รักษาหรือรักษา และปฏิบัติตัวไม่สม่ำเสมอ
- สายตาเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว หรือตาบอด หลอดเลือดในตา อาจตีบตัน หรือแตก มีการตกเลือดในตา หรือบวมในชั้นตาที่รับภาพ
- อาการทางสมอง หลอดเลือดในสมองตีบ หรือแตก มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง อาจชัก หรือไม่รู้สึกตัว และอาจเกิดอัมพาต ถ้ารักษาไม่ทัน
- หัวใจ ล้มเหลว จากการที่กล้ามเนื้อหัวใจ ต้องทำงานมากขึ้น จึงทำให้หัวใจโต เกิดอาการเหนื่อย หอบหายใจลำบาก โดยเฉพาะทางกลางคืน และภาวะความดันโลหิตสูง ทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบตัน เป็นเหตุให้กล้ามเนื้อขาดเลือด จนเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายได้
- ไตพิการ หรือไตอักเสบ เกิดอาการบวม
ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงจะมีชีวิตยืนยาวได้เช่นคนปกติหรือไม่??
สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงไม่มาก และได้รับการรักษา ตั้งแต่เริ่มแรกต่อเนื่อง และปฏิบัติตัวอย่างสม่ำเสมอ โดยยังไม่มีภาวะหัวใจโต หรือกล้ามเนื้อหัวใจหนาขึ้น ไม่มีภาวะไตวาย และหลอดโลหิตยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก มีโอกาสจะมีชีวิตยืนยาวได้เช่นคนปกติ แต่ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงแล้ว ควรได้รับดูแลการรักษาอย่างต่อเนื่องโดยแพทย์เฉพาะทาง มิเช่นนั้นแล้ว โอกาสที่จะมีชีวิตยืนยาวย่อมน้อยลง
ที่มา
นพ. ยงยุทธ เจียงวิริชัยกูร
No comments:
Post a Comment