" พริก " เป็นพืชผักสมุนไพร ที่อยู่คู่ครัวไทย เช่นเดียวกับ หัวหอม กระเทียม ชนิดที่ขาดไม่ได้เลย แม้ว่าบ้านเกิดดั้งเดิม จะมาจากแถบอเมริกาใต้ แต่คนไทยก็รู้จักการใช้พริก ในการประกอบอาหารจนจัดอยู่ในทำเนียบผักพื้นบ้านของไทยไปนานแล้ว
พริกสามารถนำมาใช้ประกอบอาหารต่าง ๆ มากมาย จนคนไทยมีตำรับน้ำพริกมากมาย ทั้งน้ำพริกตาแดง น้ำพริกนรก น้ำพริกปลาร้า และอีกสารพัดสูตร จนกลายเป็นอาหารบรรจุขวด บรรจุกล่อง จำหน่ายไปทั่วประเทศ เผลอ ๆ อาจมีวางจำหน่ายไปทั่วโลกแล้ว(มั้ง)??
พริกเป็นเครื่องชูรส ที่ให้ความเผ็ด ซึ่งก็คือ สารแคปไซซิน (Capsaicin) ที่ทำให้มีรสเผ็ดร้อน ในทางยาไทย " พริกมีสรรพคุณ แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องขึ้นอืดเฟ้อ ขับผายลม ช่วยในการเจริญอาหาร ขับเหงื่อ บำรุงธาตุไฟ แก้ปวดหลังปวดเอว แก้บวม เคล็ดขัดยอก "
พริกในตำรายาไทย
ในตำรายาไทย ใช้พริกขี้หนูขับน้ำคาวปลา ใครที่คลอดลูกแล้ว น้ำคาวปลาไม่ออก ก็ใช้ตำรับยาพริกขี้หนูนี่แหละ ช่วยชีวิตมาแล้ว หญิงหลังคลอดต้องขับน้ำคาวปลาออกให้หมด ไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตรายได้ ตัวยานี้ คือ เอาพริกขี้หนูแห้งเผาจนเป็นถ่าน แล้วบดให้ละเอียด ใช้ผงถ่านพริก 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยชา กินเพียงครั้งเดียวเท่านั้น วันต่อ ๆ ไปให้ใช้ผงถ่านพริกกินกับเหล้าขาวแทน เขามีข้อห้ามว่า ยานี้ต้องใช้หลังคลอด ถ้าใช้ก่อนคลอดจะทำให้คลอดไม่ออก และที่ต้องใช้เหล้าแทนน้ำส้มสายชูในวันต่อ ๆ ไป ก็เพราะน้ำส้มสายชูมีฤทธิ์แรง กินบ่อยไม่ได้จะเป็นอันตรายต่อร่างกาย
ถ้าเป็นไข้หวัด มีอาการปวดหัวตัวร้อน ตำราท่านว่า ให้เอาใบพริกขี้หนูสดสักกำมือมาตำกับดินสอพองให้เข้ากัน แล้วเอาไปพอกที่ขมับทั้งสองข้าง อาการปวดจะหายไป ถ้าเจ็บคอ หรือเสียงแหบแห้ง ต่อมทอนซิลอักเสบ คออักเสบให้เอาพริกผงสัก 1 หยิบมือ ชงกับน้ำเดือดทิ้งไว้ให้อุ่นใช้จิบกลั้วคอ
แก้ส้นเท้าแตก ใช้พริกขี้หนูทั้ง 5 (ราก ต้น ใบ ดอก ผล) กับปูนขาว ตามต้องการ นำไปต้มแล้วเอาน้ำนั้นมาใช้แช่เท้า แก้อาการบวม ให้เอาใบพริกขี้หนูตำผสมกับน้ำมะนาว ใช้พอกบริเวณที่เกิดอาการ หรือถ้าใครโดนตะขาบ หรือแมงป่องกัด เอาพริกขี้หนูแห้งตำเป็นผง ละลายด้วยน้ำมะนาวทาแผล จะช่วยให้หายปวดแผล
ก่อนหน้านั้น องค์การเภสัชกรรมได้พัฒนา สารสกัดจากแคปไซซินไปทำเจลพริก เพื่อใช้ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดปลายมือปลายเท้า ปวดข้อเข่า บรรเทาอาการปวด อันเนื่องมาจากแผลผ่าตัด ซึ่งได้รับความนิยมมาก และยังมียาหม่องพริก ใช้ทาถูบรรเทาอาการปวด เป็นยาประจำบ้านที่ทำเองใช้เองมานานแล้ว
มีงานวิจัย ที่น่าสนใจเกี่ยวกับพริกมากมาย อาทิ นำมาพัฒนาเป็นสเปรย์พริก เพื่อช่วยกระตุ้นประสาท แก้ง่วงนอน ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน มีการนำสารสกัด จากพริกมาผลิตเป็นสเปรย์ พกติดตัวเพื่อใช้ป้องกันอันตราย สารสกัดจากพริก ใช้เป็นยารับประทานที่ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ช่วยย่อยอาหาร ทำให้เจริญอาหาร กินอาหารได้มากขึ้น และในงานวิจัยเกี่ยวกับผักพื้นบ้าน เพื่อรักษาโรคมะเร็ง พบว่า สารแคปไซซินจากพริก ช่วยลดการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารได้
ปัจจุบันนี้ มีการต่อยอดพัฒนาองค์ความรู้เรื่องพริก นำมาใช้ในวงการอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันของไก่ และเพิ่มน้ำหนักตัวของไก่ได้ ซึ่งไม่มีอันตราย ก็นับเป็นวิธีที่ดีเราจะไม่ต้องได้ยินวิธีเลี้ยงไก่แบบพิสดารและทรมานสัตว์อีก
ยากำจัดศัตรูพืช
ด้านการกำจัดแมลงศัตรูพืช ก็มีการใช้ในรูปแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน ด้วยวิธีการง่าย ๆ มาเนิ่นนาน โดยนำพริกแห้งป่นละเอียด 100 กรัม ผสมน้ำ 1 ลิตร หมักทิ้งไว้ 1 คืน กรองเอาแต่น้ำ นำมาผสมน้ำสบู่ 1:5 ส่วน ใช้ฉีดพ่นทุก 7 วัน หรือนำใบและดอกของพริก มาคั้นผสมน้ำไปฉีดพ่น เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัส รวมถึงกำจัดมด เพลี้ยอ่อน หนอนผีเสื้อกะหล่ำ และด้วงงวงช้าง
ส่วนงานทดลองของนักวิจัย ในการนำสารสกัดมาใช้ในการกำจัดศัตรูพืช พบว่า ช่วยยับยั้งเชื้อโรค ที่เป็นสาเหตุโรคเน่าดำ ยับยั้งเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคใบจุด และกำจัดหนอนใยผัก และหนอนกระทู้ผักได้
พริก...พืชสมุนไพร
" พริก " นับเป็นพืชอาหารสมุนไพรอีกชนิดหนึ่ง ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างกว้างขว้าง มิได้จำกัดเฉพาะการฆ่าแมลงศัตรูพืชเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีงานวิจัย เพื่อรอการนำไปพัฒนาสู่เชิงพาณิชย์อีกจำนวนมาก ถ้าเกิดใครเห็นดีเห็นงามยกมือสนับสนุนกับกรมวิชาการเกษตรและกระทรวง อุตสาหกรรมแล้ว ต้องขบคิดว่าเราจะกินพริกได้อย่างเสรีอีกต่อไปได้หรือไม่…
นี่คือคุณค่าและประโยชน์ยิ่งใหญ่ของพริกเม็ดเล็ก ๆ
Search This Blog
Monday, November 2, 2009
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment