Search This Blog

Monday, September 21, 2009

กิน-ดื่ม (น้ำ) ผลไม้ ตอนท้องว่างดีหรือไม่ดี ???

เกาะที่กระแสเฮลตี้กำลังครองเมืองเช่นนี้ ต้องบอกว่า ผัก-ผลไม้ก็ขึ้นแท่นติดอันดับของอาหารและเครื่องดื่ม ที่อยู่ในใจของคนที่รักสุขภาพเช่นกัน

ผู้ประกอบการหลายราย จึงพยายามสร้างสรรค์ทำให้การดื่ม-กินผักผลไม้เหล่านี้ง่ายขึ้น ด้วยการทำเป็นสำเร็จรูป หรือกึ่งสำเร็จรูป ไปจนถึงการสรรหากรรมวิธี หรือสูตรเด็ดเคล็ดลับต่าง ๆ มาป้อนให้กับผู้บริโภค

ปัจจุบันมีน้ำผลไม้สำเร็จรูปออกมา ในรูปแบบที่มีคำเรียกต่าง ๆ ที่ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ควรรู้

  • ′น้ำผลไม้สด′ หมายถึง น้ำที่คั้นมาสด ๆ ไม่ได้ปรุงแต่งใด ๆ ทั้งสิ้น
  • ′น้ำผลไม้ที่ผ่านกระบวนการ′ หมายถึง ได้นำผลไม้ที่ผ่านกรรมวิธีถนอมอาหารเพื่อยืดอายุโดยใส่สารกันบูด หรือสารปรุงแต่งอื่น ๆ ที่จะเห็นได้อยู่ทั่วไปในรูปของศัพท์ต่าง ๆ
  • ′ น้ำผลไม้ชนิด 100%′ คือ น้ำผลไม้ ที่มีรสชาติใกล้เคียงกับของสดมากที่สุด เพราะไม่มีการปรุงแต่งรสชาติ
  • ′น้ำผลไม้ผสม′ ประเภทนี้จะมีการผสมน้ำผลไม้อื่น ๆ ลงไปด้วย และมักเติมน้ำตาล สารปรุงแต่งรสต่าง ๆ และกลิ่น รวมถึงสารกันบูด โดยจะมีส่วนประกอบหลักอยู่ที่ 40%- 60%
  • ′น้ำผลไม้ยูเอชที′ จะเหมือนน้ำผลไม้ผสม โดยจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 20% - 100% และมีการบรรจุแบบสุญญากาศเพื่อยืดอายุ
แม้จะมีของสำเร็จรูปให้เลือกสรร อย่างไรก็ตาม ผลวิจัยของทุกสถาบัน จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การกิน-ดื่มผลไม้แท้ ๆ ต่างหากที่จะมีประโยชน์สูงสุด แต่การจะรับประโยชน์ให้ได้สูงสุดนั้น ก็ต้องกินให้ถูกวิธี นั่นคือ ให้กินตอนที่ ′ท้องว่าง′ เรียกว่า พฤติกรรมในการกินผลไม้ตบท้ายหลังมื้ออาหารอย่างที่ทำ ๆ กันอยู่นั้นผิดทาง

นั่นเป็นเพราะว่า ในเรื่องของการย่อยนั้น ผลไม้จะถูกย่อยได้เร็วกว่าอาหารอื่น ๆ แต่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมเข้าไปได้ เพราะถูกอาหารที่ยังไม่ย่อยขวางเอาไว้ แล้วเมื่อผลไม้ไปรวมตัวกับอาหารอื่น ๆ จะทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ทำให้แน่นท้อง

นอกจากนั้นแล้ว การกินผลไม้ตอนท้องว่าง จะไปช่วยล้างพิษที่สะสมอยู่ และสำหรับผู้กำลังลดน้ำหนัก ผลไม้เหล่านี้ ยังจะเป็นพลังงานให้กับร่างกายด้วย

ส่วนคนที่ชอบดื่มน้ำผลไม้นั้น ควรเลือกดื่มน้ำผลไม้สด เลี่ยงการดื่มน้ำผลไม้กระป๋อง หรือที่ผ่านความร้อนมาแล้ว เพราะจะไม่หลงเหลือวิตามินอยู่เลย และการดื่มที่จะได้ประโยชน์สูงสุดนั้น ควรดื่มอย่างช้า ๆ ทีละคำ เพื่อให้น้ำผลไม้ไปรวมกับน้ำลายเสียก่อน

No comments:

Post a Comment