Search This Blog

Thursday, September 17, 2009

สัญญาณร้าย (ของร่างกาย) ไม่ใช่คำขู่

โรคร้ายและโรคแปลกที่เกิดขึ้นมาให้เราผวากัน ที่จริงก็ไม่ใช่จู่โจมเราไม่ให้สุ้มเสียง หากแต่เป็นเพราะ เราปล่อยตัวให้เป็นรังรับเชื้อเองต่างหาก
ก่อนจะเกิดเหตุใหญ่ใดขึ้นมา ย่อมมีสัญญาณเตือนขึ้นมาก่อน เป็นต้นว่า ก่อนเกิดสึนามิก็ต้องมีปลาน้ำลึกหนีตายขึ้นมาเกยตื้นกัน หรืออย่างเวลาใกล้จะดับ จิตใบหน้าจะผุดผ่องเป็นยองใย ดังที่โบราณเรียกว่า “หน้าขึ้นนวล” หรือบางท่านที่ป่วยหนัก ก็อาจจู่เกิดมีแรงกำลังขึ้นมานั่งกินนั่งพูดกันได้อีก ก่อนจะทรุดหนักลงในวันในพรุ่งแล้วก็ลาโลกไป

ในส่วนของโรคร้าย และโรคแปลก ที่เกิดขึ้นมาให้เราผวากันอย่างตอนนี้ก็เหมือนกัน ที่จริงก็ไม่ใช่มันจู่โจมเราไม่ให้สุ้มเสียง หากแต่เป็นเพราะเราปล่อยตัวให้เป็นรังรับเชื้อเองต่างหาก พอร่วมกับการตรวจทันสมัย ที่จับเชื้อโรคได้อยู่หมัดเป็นตัว ๆ นี้ เลยทำให้ดูเหมือนว่ามีเชื้อน่ากลัวมาแอบซุ่มทำร้ายเราอยู่รอบตัว ซึ่งที่จริงแล้วไม่ใช่ดังนั้นเลย

ก่อนเกิดโรคร้ายในกายเรา มันมักจะฟักตัวเริงร่าอยู่ในตัวเรามาพักหนึ่งแล้วครับ ไม่ใช่ว่าจะอยู่ดี ๆ ผุดขึ้นมาเหมือนผีจับยัดได้ ดังตัวอย่างที่เห็นชัด คือ โรคมะเร็ง กว่าที่จะมาโตใหญ่เป็นก้อนคลำได้นี่ มันต้องผลัดลูกสร้างหลานมาแล้วนับล้าน ๆ ตัว จนวิ่งวุ่นเข้าไปในเส้นเลือดเราได้ แล้วจึงได้โผล่เป็นก้อนใหญ่ขึ้นมาให้ได้เห็น

จึงสังเกตได้ว่า เมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็งตอนเห็นก้อน มันก็มักจะลามไปไหนต่อไหนแล้ว ที่จริงมันก็ให้สัญญาณเรามาก่อนไม่น้อยนะครับ แต่บางทีเราถูกงานรัดตัว หรือขอผลัดไม่สนใจไว้สักชั่วขณะหนึ่ง แต่เพียงไม่นานมันก็อาจเติบใหญ่จนเกินควบคุมได้

สัญญาณเตือนภัยนี้ ท่านสามารถใช้สังเกตตัวเองก็ได้ หรือคนรอบข้างก็ได้ไม่ยากเลยครับ
  1. เบื่ออาหาร
  2. ผอมลงผิดปกติ (น้ำหนักตัวลดมากกว่า 2 กิโลกรัมต่อเดือน)
  3. หงุดหงิดง่าย อารมณ์ปรวน
  4. ปวดเมื่อยตัวน่ารำคาญ
  5. มึนศีรษะแบบไม่สดชื่น
  6. มีไข้หนาว ๆ ร้อน ๆ
  7. หน้าตา หู ดูแดงก่ำฉ่ำ ราวกับมีความร้อนระอุอยู่ภายใน

สรุปง่าย ๆ ว่าถ้าจู่ ๆ มีความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเกิดขึ้น ไม่ว่าจะทางกายหรือแม้แต่อารมณ์จิตใจก็ตามที แสดงว่าต้องมี “เหตุ” ไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องหา “ผู้ร้าย” รายให้เจอโดยเร็ว อย่าปล่อยให้ซ่องสุมผู้คนมาตีท้ายครัวเรา แล้วท้ายสุดก็ยากสุดเกินที่จะแก้

นอกจากนั้น การแก้ปัญหาเมื่อเกิดโรคร้ายขึ้นทุกครั้ง หาใช่การวิ่งโร่ไปหา โรงพยาบาลไม่ เพราะบางทีสถานพยาบาลก็เป็นแหล่งรวม “ดาวร้าย” หลายโรคกว่าที่เรานึกถึงนัก ถ้าเราพากายที่กะปรกกะเปลี้ยอ่อนแอเหลือหลายไปหา อาจเท่ากับพาตัวไปเป็นบ้านหลังใหม่ให้เชื้อเข้ามาเกาะ

ขอให้รู้เถิดครับ ว่านอกจากตัวเราเป็นหมอที่ดีที่สุดให้ตัวเองได้แล้ว บ้านที่รักของเราก็ยังเป็นโฮมสวีทโฮม สำหรับการรักษาอาการเจ็บป่วยได้ดีกว่าโรงพยาบาลไหน ๆ อีกด้วย

ดังนั้น ต่อไปยามป่วยไข้หรือคนใกล้ตัวไม่สบาย ขอให้มั่นใจในศักยภาพของตัว เรานะครับที่เขาจะต้องทำหน้าที่ของเขาแน่เหมือนที่ลอร์ดเนลสันเคยบอกลูกประดู่อังกฤษก่อนเข้าทำยุทธนาวีกับนโปเลียนว่า “England confides that every men will do his duty” ที่เหลือก็คือ หน้าที่ของท่านในการคอยเฝ้า

“ทำหน้าที่” สังเกตตัวเองเช่นกัน

ขอท่านที่รักเพียงแค่ “ตื่นตัว” แต่ไม่ต้อง “ตื่นกลัว” นะครับ แค่เงี่ยหูฟังแล้วท่านจะได้ยินเสียงกายร้องได้ชัดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ครับ

ที่มา
นพ. กฤษดา ศิรามพุช
พบ. (จุฬาฯ) ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ

No comments:

Post a Comment