ดังนั้น การรักษาผิวรอบดวงตา ที่หมองคล้ำทำให้กลับมาสดใส จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ปัญหาใต้ตาคล้ำ เป็นสิ่งที่พบได้บ่อย ๆ ในคนไทย ก่อนจะมาถึงการรักษา ควรจะต้องทราบถึงสาเหตุเสียก่อน เพื่อให้การรักษาได้ผลดีขึ้น และเป็นการป้องกันไม่ให้รอยดำเป็นมากขึ้นอีก
สาเหตุของขอบตาดำ
ขอบตาดำ มีสาเหตุอยู่ด้วยกันหลายสาเหตุ เช่น
- กรรมพันธุ์ ถ้าคนไทยมีขอบตาดำ แล้วลองหันไปมองญาติพี่น้อง พ่อแม่ของคุณดูว่า เป็นแบบเดียวกับที่คุณเป็นหรือไม่ ถ้าเป็นละก็ การรักษา และป้องกันอาจจะยาก
- ภูมิแพ้ คนที่เป็นภูมิแพ้ จะพบว่าเส้นเลือดดำ ที่อยู่รอบตาจะขยายใหญ่มากกว่าคนทั่วไป และเส้นเลือดดำเหล่านี้นี่เอง ที่เป็นสาเหตุให้ขอบตาของคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ ดูคล้ำกว่าคนทั่วไป
- การระคายเคืองแถว ๆ รอบตา เช่น การขยี้ตาบ่อย ๆ เพราะการขยี้ตาจะกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสี ให้เพิ่มจำนวนขึ้นบริเวณนั้น
- แพ้ครีมทารอบดวงตา บางคนอาจแพ้สารเคมีบางอย่างในครีม ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่า ใครจะแพ้สารตัวใด ใครบ้างที่จะเป็น ถ้ารู้ว่าแพ้คงต้องหยุดการทาครีมดังกล่าว ถ้าไม่ทราบอาจต้องพึ่งการทดสอบว่า แพ้สารที่ต้องสงสัยหรือไม่
- อดนอน สาเหตุนี้เป็นสาเหตุที่พบบ่อย ในสภาพสังคมปัจจุบัน ใครที่รู้ตัวว่าอดนอนบ่อย ๆ หรือนอนดึก ก็คงต้องพยายามนอนเร็วขึ้น เพื่อที่ขอบตาจะได้ดูสดใสกว่าเดิม
- เป็น "ปานโอตะ" คือ เซลล์เม็ดสี ที่อยู่ในชั้นหนังแท้ พบในบางคนที่มีความผิดปกติที่เซลล์สร้างเม็ดสีอยู่ผิดที่ ซึ่งมักพบบริเวณรอบ ๆ ตา โดยมากมักจะเป็นข้างเดียว แต่มีบางคนอาจเป็นได้ทั้ง 2 ข้าง ทำให้ขอบตาดูเขียวคล้ำ
การรักษาขอบตาดำ
ถ้าหากไม่ใจร้อน รักษาแบบได้ผลช้า ๆ ก็ใช้เป็นยาทาใต้ตา ที่มีส่วนผสมของ Whitening เช่น วิตามินซี แต่ถ้าต้องการให้เห็นผลดีมากขึ้น และได้ผลเร็ว ๆ การรักษาด้วยเลเซอร์ หรือเครื่องแสงเข้มข้น เป็นวิธีที่ได้ผลดี เลเซอร์ที่ใช้รักษาขอบตาดำได้ ที่นิยมมากที่สุดคือ Nd-yag laser
นอกจากนี้เลเซอร์ตัวนี้ยังสามารถรักษาภาวะปานโอตะได้ด้วย หลังยิงเลเซอร์ที่ผิวบริเวณนั้น จะเป็นสะเก็ด และสะเก็ดจะหลุดออกภายใน 1-2 อาทิตย์ และผิวของตาที่คล้ำก็จะดูขาวขึ้น เครื่องแสงเข้มข้น คล้ายกับเลเซอร์ แต่ต่างกันที่หลังจากยิงเสร็จแล้ว จะไม่เป็นแผล แต่อาจจะเป็นสะเก็ดฝอย ๆ เล็กน้อย แต่เครื่องนี้ไม่สามารถรักษาภาวะปานโอตะได้
ขอบตาดำ เป็นเรื่องที่ต้องรักษากันนาน และถ้าไม่รู้จักดูแลตัวเองให้ดี นอนหลับไม่เพียงพอ ไม่ช้าขอบตาก็กลับมาดำได้อีก ดังนั้น การดูแลเอาใจใส่รอบดวงตาเสียแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่จะเริ่ม เป็นจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
No comments:
Post a Comment